เริม (Herpes) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) ซึ่งแบ่งออกเป็นสองชนิดหลัก คือ HSV-1 ที่มักทำให้เกิดเริมที่ปาก (cold sores) และ HSV-2 ที่มักทำให้เกิดเริมที่อวัยวะเพศ (genital herpes) แม้ว่าอาการเริมครั้งแรกมักจะรุนแรงกว่า แต่สิ่งที่หลายคนต้องเผชิญก็คือการติดเชื้อซ้ำ การกลับมาเป็นซ้ำนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเริม ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลายครั้งในชีวิต และสามารถสร้างความเจ็บปวดและความไม่สะดวกให้กับผู้ที่มีเชื้อได้
บทความนี้จะอธิบายว่าเหตุใดเริมถึงกลับมาเป็นซ้ำบ่อยครั้ง สาเหตุที่ทำให้การติดเชื้อซ้ำเกิดขึ้น วิธีการป้องกัน และการดูแลสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำของโรคเริม
ทำความเข้าใจกับโรคเริม
เริม เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ (HSV) ซึ่งมีสองชนิดที่สามารถทำให้เกิดโรคได้:
HSV-1: มักเป็นสาเหตุของเริมที่ปากหรือริมฝีปาก ทำให้เกิดตุ่มน้ำหรือแผลรอบปาก จมูก หรือในปาก
HSV-2: มักเป็นสาเหตุของเริมที่อวัยวะเพศ ทำให้เกิดตุ่มน้ำหรือแผลบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก
เชื้อไวรัส HSV ทั้งสองชนิดนี้สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มน้ำหรือแผลที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะผ่านการจูบ การมีเพศสัมพันธ์ หรือการสัมผัสใกล้ชิดกับบริเวณที่ติดเชื้อ ถึงแม้ว่าเริมจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การใช้ยาต้านไวรัสสามารถช่วยบรรเทาอาการและลดความถี่ในการกลับมาเป็นซ้ำได้
การติดเชื้อซ้ำของเริม: ทำไมถึงเกิดขึ้น?
เมื่อคุณติดเชื้อไวรัสเริมแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะยังคงอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต แม้ว่าร่างกายจะสามารถจัดการกับอาการในครั้งแรกได้ แต่เชื้อไวรัสจะไม่หายไปอย่างถาวร มันจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในระบบประสาทของร่างกาย และรอให้ร่างกายมีภาวะที่เอื้อต่อการเกิดอาการใหม่เพื่อที่จะกลับมาแสดงอาการอีกครั้ง
การกลับมาเป็นซ้ำของโรคเริมเกิดจากการที่ไวรัส HSV ถูกกระตุ้นให้กลับมาแสดงอาการ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ไวรัสกลับมาแสดงอาการซ้ำมีหลายปัจจัย ได้แก่:
1. ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง เช่น ในช่วงที่คุณป่วย เป็นหวัด หรือติดเชื้ออื่นๆ เชื้อไวรัส HSV ที่ซ่อนตัวอยู่ในระบบประสาทสามารถถูกกระตุ้นให้กลับมาแสดงอาการได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
2. ความเครียดทางกายและจิตใจ
ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ เนื่องจากความเครียดสามารถส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ทำให้ร่างกายไม่สามารถจัดการกับเชื้อไวรัสที่ซ่อนตัวอยู่ได้ ความเครียดจากการทำงาน ปัญหาส่วนตัว หรือการเจ็บป่วยทางจิตใจ เช่น ภาวะซึมเศร้า สามารถกระตุ้นให้เชื้อเริมกลับมาแสดงอาการซ้ำได้
3. การบาดเจ็บหรือระคายเคืองต่อผิวหนัง
การบาดเจ็บ การถลอก หรือการระคายเคืองต่อผิวหนังในบริเวณที่เคยติดเชื้อเริมมาก่อน เช่น ริมฝีปากหรืออวัยวะเพศ สามารถกระตุ้นให้เชื้อไวรัสกลับมาแสดงอาการได้ ตัวอย่างเช่น การมีแผลที่ปากจากการกัดริมฝีปาก การโดนแดดมากเกินไป หรือการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปก็สามารถเป็นสาเหตุของการกลับมาเป็นซ้ำได้
4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ฮอร์โมนในร่างกายมีผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือนหรือการตั้งครรภ์สามารถทำให้ร่างกายอ่อนแอและกระตุ้นให้เริมกลับมาแสดงอาการได้
5. การโดนแดดมากเกินไป
การโดนแดดหรือแสงยูวีมากเกินไปสามารถทำให้เริมกลับมาเป็นซ้ำได้ โดยเฉพาะเริมที่ปาก แสงแดดสามารถทำให้ผิวหนังระคายเคืองและอาจทำให้ภูมิคุ้มกันของผิวหนังลดลง ทำให้เชื้อไวรัสกลับมาแสดงอาการซ้ำได้ง่ายขึ้น
วิธีป้องกันการติดเชื้อซ้ำของโรคเริม
แม้ว่าการติดเชื้อซ้ำของเริมจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ แต่การปฏิบัติตามวิธีการดูแลตัวเองและการป้องกันที่ถูกต้องสามารถช่วยลดความเสี่ยงและความถี่ในการกลับมาเป็นซ้ำได้ นี่คือวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ:
1. การใช้ยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้ที่มีการติดเชื้อซ้ำบ่อยครั้ง การใช้ยาต้านไวรัสตามที่แพทย์สั่ง เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir), วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) หรือ แฟมไซโคลเวียร์ (Famciclovir) สามารถช่วยลดความถี่ในการกลับมาเป็นซ้ำและลดระยะเวลาที่เกิดอาการได้
การใช้ยาต้านไวรัสแบบประจำวันหรือเมื่อเริ่มมีอาการแรกๆ จะช่วยให้ไวรัสไม่สามารถแพร่กระจายได้เร็วเกินไป และยังช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้อีกด้วย
2. การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง
การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของเริม การรักษาสุขภาพโดยรวมด้วยการนอนหลับเพียงพอ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดียิ่งขึ้น
3. การจัดการความเครียด
ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถกระตุ้นการติดเชื้อซ้ำได้ ดังนั้นการจัดการความเครียดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยง การหาวิธีการผ่อนคลาย เช่น การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการหากิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด เช่น การวาดภาพ หรือการอ่านหนังสือ จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำได้
4. การป้องกันผิวจากแสงแดด
การป้องกันผิวจากแสงแดดโดยการใช้ครีมกันแดดหรือการสวมหมวกเมื่อต้องอยู่กลางแดดนานๆ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่เป็นเริมที่ปากหรือผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อเริม เนื่องจากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้เริมกลับมาแสดงอาการได้ การป้องกันผิวจากแสงแดดจะช่วยลดการระคายเคืองของผิวหนังและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
5. หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง
การหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรง การสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป หรือการสัมผัสกับวัตถุที่มีความร้อนสูง จะช่วยลดโอกาสในการกระตุ้นเชื้อไวรัสที่ซ่อนตัวอยู่ให้กลับมาแสดงอาการได้
6. การปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการซ้ำบ่อยครั้ง
หากคุณมีการติดเชื้อซ้ำบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาและการป้องกัน การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมและการติดตามผลเพื่อให้การจัดการกับโรคเริมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การดูแลสุขภาพเมื่อมีอาการเริม
หากคุณมีอาการเริมที่กลับมาเป็นซ้ำ การดูแลตัวเองในช่วงที่มีอาการเป็นสิ่งสำคัญเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่น ดังนี้:
1. การใช้ยาต้านไวรัสตามที่แพทย์สั่ง
เมื่อมีอาการซ้ำ ควรเริ่มใช้ยาต้านไวรัสตามที่แพทย์สั่งโดยทันที ยาต้านไวรัสจะช่วยลดระยะเวลาที่เกิดอาการและบรรเทาอาการปวดหรือแสบร้อน
2. การรักษาความสะอาดบริเวณที่ติดเชื้อ
หากมีแผลหรือตุ่มน้ำ ควรรักษาความสะอาดบริเวณนั้นด้วยการล้างน้ำสบู่อ่อนๆ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลหรือเกาตุ่มน้ำ เพราะการสัมผัสแผลอาจทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำเพิ่มเติมและเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ
3. การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด
ในช่วงที่มีอาการเริม ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น เช่น การจูบ การมีเพศสัมพันธ์ หรือการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า หรือแปรงสีฟัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสให้กับผู้อื่น
การป้องกันการแพร่เชื้อเริมให้กับผู้อื่น
เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสเริมให้กับผู้อื่น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้:
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลหรือตุ่มน้ำ
หลีกเลี่ยงการจูบหรือมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีอาการเริม
ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าจะไม่มีอาการเริมก็ตาม เพราะเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้แม้ในช่วงที่ไม่มีแผล
ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว หรือเครื่องสำอาง
สรุป
การติดเชื้อซ้ำของโรคเริมเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ เนื่องจากไวรัสสามารถซ่อนตัวอยู่ในระบบประสาทและกลับมาแสดงอาการเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือมีปัจจัยกระตุ้น การป้องกันการติดเชื้อซ้ำสามารถทำได้โดยการใช้ยาต้านไวรัส การรักษาสุขภาพให้แข็งแรง การจัดการความเครียด และการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง
หากคุณมีการติดเชื้อซ้ำบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพและป้องกันการแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อและการกลับมาเป็นซ้ำในอนาคต
Comments