top of page

บริการจ่ายยา PreP/ การรับยา PeP



PrEP คืออะไร?

PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) คือยาต้านไวรัสที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV โดยการรับประทานยา PrEP อย่างสม่ำเสมอจะสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยานี้ทำงานโดยการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในกระแสเลือด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์และแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย

PrEP มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้ร่วมกับวิธีการป้องกันอื่นๆ เช่น การใช้ถุงยางอนามัย หรือการตรวจสอบเชื้อ HIV อย่างสม่ำเสมอ ยานี้สามารถลดความเสี่ยงได้มากถึง 99% ในกลุ่มชายรักชาย (MSM) และลดลงได้ถึง 90% สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์แบบต่างเพศ

ใครบ้างที่ควรใช้ PrEP?

ยา PrEP ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV ในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งได้แก่:

  • ผู้ที่มีคู่นอนติดเชื้อ HIV: PrEP เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีคู่นอนติดเชื้อ HIV ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้ออย่างมาก

  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย: หากคุณมีพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย การใช้ PrEP จะช่วยลดความเสี่ยงได้

  • ชายรักชาย (MSM): กลุ่มชายรักชายเป็นกลุ่มที่มีอัตราการติดเชื้อ HIV สูงกว่ากลุ่มอื่นๆ การใช้ PrEP จึงเป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูง

  • ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน: การมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน และไม่ได้รับการตรวจสอบสถานะ HIV เป็นประจำ สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้อย่างมาก

  • ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน: กลุ่มคนที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เช่น ผู้เสพสารเสพติด ก็เป็นกลุ่มที่ควรพิจารณาใช้ PrEP เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV

วิธีการใช้ PrEP

การใช้ PrEP ต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปการใช้ PrEP จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลัก คือ:

  1. การใช้ PrEP แบบต่อเนื่อง: ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงควรใช้ PrEP แบบต่อเนื่อง โดยรับประทานยา PrEP ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ การรับประทานยาอย่างต่อเนื่องนี้จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันที่เพียงพอในการป้องกันเชื้อ HIV

  2. การใช้ PrEP แบบตามความจำเป็น: บางคนอาจเลือกใช้ PrEP เฉพาะในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยง เช่น ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดยวิธีนี้ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเหมาะสม

ขั้นตอนการรับยา PrEP

  1. การตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้น: ก่อนที่จะรับยา PrEP แพทย์จะทำการประเมินสุขภาพเบื้องต้น และทำการตรวจ HIV เพื่อยืนยันว่าคุณยังไม่ติดเชื้อ HIV

  2. การรับยา: หากคุณผ่านการตรวจสอบสุขภาพ แพทย์จะสั่งจ่ายยา PrEP ให้คุณ โดยคุณจะต้องรับประทานยาทุกวันตามคำแนะนำ

  3. การติดตามผล: ผู้ที่ใช้ PrEP ควรเข้ารับการตรวจสอบสถานะสุขภาพเป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบการทำงานของยาว่ามีประสิทธิภาพและไม่มีผลข้างเคียง

ประโยชน์ของ PrEP

  • ประสิทธิภาพสูงในการป้องกัน HIV: PrEP เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อ HIV เมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ

  • การป้องกันที่สะดวกสบาย: การรับประทานยาเพียงวันละ 1 เม็ดสามารถช่วยลดความกังวลในการติดเชื้อ HIV ได้

  • เพิ่มความมั่นใจ: สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง PrEP สามารถช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ทางเพศ

ข้อควรระวังในการใช้ PrEP

  • ผลข้างเคียง: PrEP อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยในช่วงแรก เช่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะ หรือปวดท้อง แต่ส่วนใหญ่มักจะหายไปเมื่อร่างกายปรับตัวกับยา

  • ความจำเป็นในการรับประทานยาสม่ำเสมอ: หากไม่รับประทานยาทุกวัน ความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV จะเพิ่มขึ้น ดังนั้นควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด


PEP คืออะไร?

PEP (Post-Exposure Prophylaxis) คือยาต้านไวรัสที่ใช้หลังจากการสัมผัสเชื้อ HIV เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ยานี้ต้องเริ่มรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากที่คุณสัมผัสเชื้อ HIV โดยยิ่งเริ่มใช้ยาได้เร็วเท่าไหร่ โอกาสในการป้องกันการติดเชื้อก็จะยิ่งสูงขึ้น PEP มักถูกใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน

PEP ไม่ใช่ยาที่ใช้ป้องกันล่วงหน้า แต่เป็นยาที่ใช้หลังจากมีความเสี่ยงในการติดเชื้อแล้วเท่านั้น การรักษาด้วย PEP จะต้องดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลา 28 วัน เพื่อให้ยาได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ใครบ้างที่ควรใช้ PEP?

PEP เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงหลังจากที่มีการสัมผัสเชื้อ HIV โดยเฉพาะในสถานการณ์ต่อไปนี้:

  • การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย: หากคุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย หรือถุงยางอนามัยแตก คุณควรเริ่มใช้ PEP ภายใน 72 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV

  • การถูกล่วงละเมิดทางเพศ: ในกรณีที่มีการล่วงละเมิดทางเพศ และมีความเสี่ยงที่ผู้กระทำอาจเป็นผู้ติดเชื้อ HIV ควรเข้ารับการรักษาด้วย PEP ทันที

  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน: ผู้ที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น หรือใช้เข็มที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อ อาจเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อ HIV ควรรีบเข้ารับยา PEP

ขั้นตอนการรับยา PEP

  1. การประเมินสถานการณ์ฉุกเฉิน: เมื่อคุณมีการสัมผัสเชื้อ HIV ควรรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันทีเพื่อทำการประเมินและเริ่มต้นการรักษาด้วย PEP

  2. การรับยา: หากการสัมผัสเชื้อ HIV เกิดขึ้นภายใน 72 ชั่วโมง คุณจะได้รับยาต้านไวรัสสำหรับใช้ต่อเนื่อง 28 วัน โดยจะต้องรับประทานยาทุกวันอย่างเคร่งครัด

  3. การติดตามผล: หลังจากที่ใช้ PEP ครบ 28 วัน ควรเข้ารับการตรวจเชื้อ HIV เพื่อยืนยันว่าคุณไม่ติดเชื้อ

ประสิทธิภาพของ PEP

การใช้ยา PEP ให้ได้ผลดีที่สุดต้องเริ่มภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากการสัมผัสเชื้อ และต้องรับประทานยาทุกวันตลอด 28 วัน การรักษาที่เริ่มได้เร็วและทำอย่างต่อเนื่องจะสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ HIV ได้มาก

ประโยชน์ของ PEP

  • ป้องกัน HIV หลังการสัมผัสเชื้อ: PEP เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HIV หลังจากการสัมผัสเชื้อ หากเริ่มใช้ยาได้เร็ว

  • ช่วยในสถานการณ์ฉุกเฉิน: PEP เป็นยาที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงหลังจากการสัมผัสเชื้อโดยไม่ตั้งใจ

ข้อควรระวังในการใช้ PEP

  • ความรวดเร็วในการรักษา: PEP จะมีประสิทธิภาพสูงสุดหากเริ่มใช้ภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากการสัมผัสเชื้อ การช้าเกินไปอาจทำให้ยาไม่สามารถป้องกันเชื้อ HIV ได้

  • การรับประทานยาต่อเนื่อง: ผู้ที่ใช้ PEP ต้องรับประทานยาต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 28 วัน หากหยุดใช้ก่อน อาจทำให้การรักษาไม่สมบูรณ์และเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

สรุป

ทั้ง PrEP และ PEP เป็นยาต้านไวรัสที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ HIV โดย PrEP ใช้สำหรับการป้องกันก่อนการสัมผัสเชื้อ และเหมาะสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่ PEP เป็นยาที่ใช้หลังการสัมผัสเชื้อในกรณีฉุกเฉิน การรู้จักและเข้าถึงบริการจ่ายยาเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ HIV และเสริมสร้างสุขภาพทางเพศที่ดีขึ้น

Comments


bottom of page